รีวิว Glass Onion A Knives Out Mystery หากคุณยังจำกันได้ Knives Out หนังแนวสืบสวนอาชญากรรมที่กำกับโดยผู้กำกับฝีมือดีอย่าง Rian Johnson เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในปี 2019 ในปี 2008 กระแสนิยมในตอนนั้นคือการนำ Daniel Craig (แดเนียล เครก) ผู้ทรงอิทธิพล รวมถึงการขนดาราระดับ A-list มาร่วมแสดง และยังมีภาพลักษณ์ของสายลับสุดเท่ เจมส์ บอนด์ (James Bond) มารับบทนักสืบอัจฉริยะที่รับมาในแผนหลอกหลอน เบอนัวต์ บล็อง (Benoit Blanc) ) และไขคดีฆาตกรรมสุดหินเคล้าจังหวะอารมณ์ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจนจอห์นสันได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์
นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Lionsgate ยังทำรายได้ไปเพียง 312 ล้านเหรียญทั่วโลกจากทุนสร้างเพียง 40 ล้านเหรียญเท่านั้น รายได้ขนาดนี้ถือว่าหายาก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Netflix จะต้องจ่าย 450 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสิทธิ์ในการผลิตภาคที่สอง คำชมรับประกันความสง่างามของแพลตฟอร์ม ดังนั้นชื่อของภาพยนตร์ที่แปลกประหลาดที่สุดในแวดวงนี้ ‘Glass Onion: Knives Out Mystery’ หรือ ‘Hansa Murder’ ใครฆ่าเพื่อนของฉันเรื่องนี้
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Miles Bronn (Edward Norton) มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอที Alpha ส่งคำเชิญชาวแก๊งไปพักผ่อนที่เกาะส่วนตัวประจำปีของเขา Birdie J (Kate Hudson) และ Duke Cody (Dave Bautista) ผู้ผันแบรนด์เสื้อผ้า ผู้ว่าการ DeBella (Kathryn Hahn) ซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งในวุฒิสภาโดยให้ความสำคัญกับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม Lionel Tassain (Leslie Odom, Jr.) Brando อดีตผู้ร่วมก่อตั้ง Alpha (Janelle Monáe) และ Benoit Blanc (Daniel Craig) นักสืบอัจฉริยะ ได้รับเชิญ แต่จู่ๆ ก็เกิดการฆาตกรรมขึ้นและอยู่ระหว่างการเดินทาง Benoît Blanc ต้องจัดการกับคดีลึกลับ
ถ้างานก่อนหน้านี้เป็นแนว Whodunnit แบบนิยายของอกาธา คริสตี้ เล่าเรื่องแบบมีทิศทางของมันเอง เน้นว่าพล็อตของเรื่องบิดเบี้ยวอย่างไร การผสมผสานระหว่างตัวละครที่แพรวพราวในบทและความตลกร้าย มุกตลกเกี่ยวกับปัญหาสังคม การแสดงของนักแสดงที่จริงครึ่งแรกของภาคนี้ยังคงเดิม เรื่องราวของทั้งสองภาคไม่เชื่อมต่อกันเนื่องจากต้องใช้เวลาในการฟื้นกลิ่นอายของหนังตลกฆาตกรรม ในแบบฉบับของ “Knives Out” ไม่ต้องดูภาคแรกก่อนก็ได้ แต่เมื่อดูแล้วจะเห็นกลิ่นอายของ “Knives Out” มากขึ้น
รหัสคดีแสบปั่นมันฮา รีวิว Glass Onion A Knives Out Mystery
รีวิว Glass Onion A Knives Out Mystery ถ้างานก่อนหน้านี้เป็นแนว Whodunnit แบบนิยายของอกาธา คริสตี้ เล่าเรื่องแบบมีทิศทางของมันเอง เน้นว่าพล็อตของเรื่องบิดเบี้ยวอย่างไร การผสมผสานระหว่างตัวละครที่แพรวพราวในบทและความตลกร้าย มุกตลกเกี่ยวกับปัญหาสังคม การแสดงของนักแสดงที่จริงครึ่งแรกของภาคนี้ยังคงเดิม เรื่องราวของทั้งสองภาคไม่เชื่อมต่อกันเนื่องจากต้องใช้เวลาในการฟื้นกลิ่นอายของหนังตลกฆาตกรรม ในแบบฉบับของ “Knives Out” ไม่ต้องดูภาคแรกก่อนก็ได้ แต่เมื่อดูแล้วจะเห็นกลิ่นอายของ “Knives Out” มากขึ้น
ซึ่งรวมถึงธีมที่กล่าวถึงประเด็นร่วมสมัย ที่กล่าวว่ามันเหมือนกับ “Knives Out” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของภาพยนตร์ที่ป้อนชาร์ตความบันเทิงด้วยการเคี้ยวสิ่งปกติใหม่และการเคี้ยวของนักเทคโนโลยี ฉันอยู่นี่ สิ่งที่ฉันชอบเป็นการส่วนตัวคือการกลืนกินคำว่า “ความโกลาหล” ไม่ใช่แค่การเขมือบตัวละครเท่านั้น แต่ก็ยังแอบแซวคนงงว่าไม่ต่างอะไรกับวอนเฟซนักธุรกิจเลย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นในบทสนทนาของ Miles Bronn ซึ่งขัดแย้งกันมาก น่าสนใจดี
แต่ความบันเทิงในย่านนี้ไม่แพ้ครึ่งแรก แต่พอหนังสลับไปครึ่งหลังจริงๆ มาถึงจุดนี้ รู้หน้าแตกเลยทีนี้ นอกจากนี้ ผู้ชมยังพบว่าปริศนาไม่ง่ายอย่างที่คิด ไม่ใช่แค่การนั่งรอดูว่าใครตาย และใครคือฆาตกรคนเดียว? เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ หนังจะจบภายในหนึ่งชั่วโมง จนค่อยๆ ลอกออก “หอมแก้ว” ตัวจริงเผยผิวที่มากกว่าชื่อบาร์ในเรื่อง หรือแค่ใช้ชื่อเพลง “The Beatles” มันคือธีม แนวคิด เรื่องราว และคำใบ้
น้ำหูน้ำตาไหลตั้งแต่เปลือกนอกถึงแกนใน
ดังนั้นแทนที่หนังจะพยายามกลืนปมในโครงเรื่องเหมือนภาคก่อนโดยให้คนดูค่อยๆ ขมวดปมเอง หนังเรื่องนี้กลับจะฮิตแม้ในสถานการณ์ที่เดายากเพราะตัวละครทุกตัวล้วน ในที่เดียวกัน และ ทุกคนก็ดูน่าสงสัย อย่างไรก็ตาม ตัวหนังเองค่อยๆให้เวลาเผยให้เห็นว่าโครงเรื่องยังมีจุดหักมุมที่หักมุมมากกว่าที่ผมรู้จากหลายๆ ตัวอย่าง หนังเลือกที่จะบอกเป็นนัยทุกอย่างให้กับผู้ชมเสมอ เมื่อคุณได้คำตอบ คุณก็รู้ว่าหนังกำลังบอกเป็นนัยอยู่ตลอดตามแนวคิดของ “หัวหอมแก้ว” ใช่ไหม? (สำหรับคนดูสายถอดรหัสเหตุการณ์) ยิ่งกว่านั้น เจ็บน้อยกว่าภาคแรก แต่อยู่คนเดียว นี่เป็นวิธีที่ชาญฉลาด น่าแปลกใจ และสนุกสนานอย่างมากในการเล่าเรื่องและบอกใบ้
ความสนุกของครึ่งหลังอีกอย่างคือการแทะประเด็นสังคม โดยเฉพาะในแวดวงสังคมคนรวย เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดเผยแรงจูงใจที่แตกต่างกันให้เราเห็นมันทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเจ้าเล่ห์ในสังคมที่ร่ำรวยซึ่งเต็มไปด้วยการโกหกและผลประโยชน์ที่เลวร้ายที่สุด (ก่อนหน้านี้) ซึ่งกลายเป็นแรงจูงใจให้ทั้งคู่เพลิดเพลิน และไม่ใช่แค่ความโกรธหรือความโลภเท่านั้นที่กระตุ้นให้เกิดการฆาตกรรม แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับศีลธรรมของผู้กระทำผิด และไม่แยแสต่อผู้พบเห็น แล้วลากยาวไปสู่บทสรุปที่อิ่มเอมใจและสนุกสนานมาก รีวิว Glass Onion A Knives Out Mystery
ส่วนนักแสดงก็ยังคงยึดตามมาตรฐานเดียวกับภาคแรก คือ มีตารางประมาณฟุตนึงด้วย ฉันมีนักเขียนคนโปรดอยู่สามคน แต่คนแรกคือแดเนียล เครก ซึ่งสร้างกระแสในแวดวงนี้แน่นอน จนกระทั่งพวกเขาได้ออกมาเป็นสายลับอัจฉริยะกับชายแก่ตัวน้อย พวกเขาก็เท่ไปอีกแบบ และอีกคนคือ Janelle Monáe และ Edward Norton ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องทักษะการแสดงที่ไม่ธรรมดา นอร์ตันเล่นบทมหาเศรษฐี), Elon Musk คือที่สุด (อันนี้ขออวย (555) แต่ก็มีบางตัวละครที่แอบใช้ไม่คุ้มนะ มันอัดแน่น
หาก Netflix ต้องการสร้างแฟรนไชส์ที่มีระยะเวลายาวนาน ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลงทุนในสิทธิ์ของ Glass Onion: A Knives Out Mystery อาจมีอาการเช่น เล่นง่าย จบง่าย แต่เต็มไปด้วยลูกเล่นสนุกสนาน ธีมแพรวพราว บทและความบันเทิงจากบทสนทนาที่สร้างความสนุกสนานให้กับสังคมได้แบบแสบๆคันๆ เรียกว่า “Knives Out” ภาพยนตร์ที่ปูทางไปสู่การสร้างจักรวาลที่จะทำให้คุณน้ำตาไหลเหมือนตอนคุณหั่นหัวหอม
ยกทัพนักแสดง A-List
ไรอันเชื่อว่าผู้สร้างภาพยนตร์แนวนี้ส่วนใหญ่ติดอยู่กับความผิดพลาดแบบคลาสสิกนี้ นี่คือความพยายามที่จะสร้างปริศนาอักษรไขว้ที่จะสนุกสำหรับผู้ชมในการวิเคราะห์และแก้ไข เขาชอบงานเขียนของอกาธา คริสตี และมักจะรวมแนวอื่น ๆ เข้ากับเรื่องราวนักสืบเพื่อสร้างเรื่องราวของเขาเอง ไรอัน พูดว่า: ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบตัวละครนี้หรือไม่ คุณเข้าถึงอารมณ์ได้แค่ไหนและคุณจะติดตามช่วยเหลือเรื่องราวนี้หรือไม่”
การกลับมาครั้งนี้ ไรอัน ทำงานหนักเต็มที่ เขาผสมปริศนาการฆาตกรรมเข้ากับชีวิตที่หรูหราของนักธุรกิจพันล้าน Miles Bronn และผองเพื่อนของเขา ทำให้ผู้ชมหัวใจเต้นแรงในบรรยากาศที่หรูหรา การออกแบบฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจและเครื่องแต่งกายที่หรูหราด้วยการหักมุมที่ตลกขบขันโดยที่คุณไม่รู้ว่ามันคือกลอุบายที่ไรอันใช้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของคุณจากเงื่อนงำที่กระจัดกระจายไปทั่วฉาก ปริศนานี้จะทำให้คุณรู้สึกจั๊กจี้เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ รีวิว Glass Onion A Knives Out Mystery
รวมทั้งนักแสดงชื่อดังที่นำโดย Daniel Craig ที่กลับมาในฐานะนักสืบ Benoit Blanc, Edward Norton, Janelle Monae, Kate Hudson, Dave Bautista, Kathryn Hahn, Leslie Odom Jr., Jessica Henwick, Madeleine Klein และคนอื่นๆ มารวมตัวกัน คฤหาสน์ส่วนตัวอันหรูหราบนเกาะกรีกที่จะพาคุณผ่านปริศนาที่ยุ่งยากเท่านั้น
นักแสดงทั้งหมดอยู่ด้วยกันในสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดอธิบายว่าเป็นคณะฤดูร้อน ดังนั้น ความใกล้ชิดของนักแสดงจึงส่งผลดีต่อการแสดงบนจอของพวกเขาเพราะเราช่วยกันทำส่วนของเราในการเข้าถึง นี่เป็นเครดิตสำหรับมือเขียนบทและผู้กำกับไรอัน ครั้งนี้ทีมงานคัดเลือกนักแสดง จนได้ทีมงานที่ยอดเยี่ยมทั้งเรื่องงานและมิตรภาพ เลสลี่สรุปว่า: “เมื่อไรอันเชิญฉัน จอห์นสันก็รับผิดชอบเรื่องการสรรหา โดยสรุป หลังจากทบทวน ทุกคนได้รับเชิญให้ไขปริศนาฆาตกรรมด้วยอารมณ์ขันและไข่อีสเตอร์มากมาย